กีฬาขี่ม้าโปโล (POLO)
ขี่ม้าโปโลเป็นเกมบนหลังม้าที่มีผู้เล่นสามคนซึ่งเล่นบนหลังม้า โดยปกติแล้วจะเล่นระหว่างสองทีม เป็นกีฬาที่ถูกสร้างขึ้นในยุคกลางและมีการกล่าวถึงในเอกสารที่เก่าแก่ที่สุดในศตวรรษที่สิบ เดิมเรียกว่า pelota ซึ่งมาจากคำภาษาละตินว่า ball เป้าหมายของเกมคือการให้คะแนนโดยการตีลูกหนังแข็งขนาดเล็กด้วยไม้ยาวที่เรียกว่าไม้กระบองข้ามสิ่งกีดขวางที่ทำเครื่องหมายไว้บนพื้นซึ่งประกอบด้วยเครื่องหมายที่เรียกว่า “ม้า” หรือ “เสา” ซึ่งแต่ละอันห่างกันเจ็ดเมตร
รูปแบบและความนิยมของการเล่นโปโล
โปโลเป็นชื่อสำหรับเกมที่ผู้เล่นตีลูกด้วยค้อน (หรือ “เกือกม้า”) กับม้าหรือผู้เล่นอื่น ตัวกีฬาเริ่มต้นในสเปน โดยเล่นบนหลังม้าระหว่างผู้เล่นขี่ม้าสองทีม วัตถุประสงค์คือเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายบนสนามโปโลของฝ่ายตรงข้ามโดยการตีบอลเข้าประตูและข้ามเส้นประตูของฝ่ายตรงข้าม โดยรักษาคะแนนตลอดเส้นทาง เกมดำเนินไปอย่างรวดเร็วและต้องใช้ทักษะการตัดสินใจที่รวดเร็วและการทำงานเป็นทีมที่ดี
โปโลเป็นกีฬาที่ถูกเล่นอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1846 ในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์ ปัจจุบันเป็นที่นิยมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ยังคงใช้ม้าในการขนส่ง เช่น อาร์เจนตินา อุรุกวัย ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี สนามโปโลแบ่งออกเป็นโซนกว้าง 2 เมตรและมีเส้นสีขาว โซนเหล่านี้อยู่ห่างจากกันเจ็ดเมตรตามความยาวของทั้งสองด้านของสนาม เป้าหมายของการเล่นคือการทำประตู
โปโลเป็นกีฬาขี่ม้าที่ผู้เล่นสองทีมจากสามคนใช้ลูกบอลและไม้ยาวที่เรียกว่าเซสต้าเพื่อทำคะแนนโดยการตีลูกบอลด้วยเซสต้าแล้วขี่ไปยังเป้าหมายของอีกทีมหนึ่งซึ่งมักจะอยู่ห่างออกไป 300 หลา
เกมนี้เชื่อกันว่ามีการเล่นในเปอร์เซียโบราณตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล โปโลเล่นกันระหว่างนักขี่ม้า โดยที่ม้าของพวกเขาวิ่งแบบม่มีอานม้า แต่ในปัจจุบัน โปโลเล่นบนหลังม้าโดยใช้อานม้าและบังเหียน
โปโลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก เดิมทีได้รับการพัฒนาโดยชาวมัวร์และต่อมาได้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ เล่นบนหลังม้าและใช้ลูกบอลสีขาวที่เรียกว่าโปโล ในส่วนนี้จะกล่าวถึงวิธีการใช้ม้าเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันในสังคมยุคใหม่ โดยตอนนี้ม้าถูกใช้เป็นพาหนะ เช่นเดียวกับเพื่อความบันเทิง เช่น งานโปโลและการแสดงม้า
การขี่ม้าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดในช่วงยุคกลาง ต้องขอบคุณการใช้กำลังทหารและความกล้าหาญที่จำเป็นสำหรับชัยชนะหรือหลบหนีจากศัตรูหรือสัตว์ป่า กิจกรรมนี้ยังคงได้รับความนิยมในช่วงยุคกลาง แต่ค่อย ๆ ลดลงในช่วงสมัยใหม่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในสังคม เช่น การเคลื่อนย้ายที่เพิ่มขึ้นผ่านระบบขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน
